ทนายนกเขา ปชช.คนไทย บุกทำเนียบ จวกรัฐแก้โควิ ด

ทนายนกเขา ปชช.คนไทย บุกทำเนียบ จวกรัฐแก้โควิ ด เมื่อ 13 ก.ค.64 ที่ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ นายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) พร้อมพวกรวม 4 คน วัตถุประสงค์ อ่านแถลงการณ์ต่อ การใช้อำนาจฉ้อฉลของรัฐ

เวลา 11.30 น. นายนิติธรฯ ได้ใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยอ่านแถลงการณ์ มีรายละเอียดดังนี้

“13 กรกฎาคม 2564 ทำเนียบรัฐบาล”

ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มิได้เป็นผู้ติดเชื้อ มิได้เป็นผู้รอติดเชื้อ มิได้เป็นผู้รอการตรวจเชื้อ หรือเป็นญาติของบุคคลเหล่านั้นเท่านั้น แต่เป็นผู้รอ “โอกาส” ที่จะได้ฉีดวัคนที่มี “คุณภาพ” ได้รับการรักษาเอาใจใส่อย่างจริงจังจากรัฐ และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ประชาชนทุกคนยังคงเป็นมนุษย์อีกด้วย ขณะนี้ประชาชนอยู่ในภาวะอดกลั้นอย่างสุดขีด ต่อสิ่งที่รัฐกระทำต่อ ประชาชนอย่างเหลืออดเหลือทน อันใกล้จะถึงจุดที่จะเกินทน ต่อสถานการณ์ที่ประชาชนมิได้ก่อขึ้นแล้ว ขอเรียกร้องว่า อย่ากระทำกับประชาชนอย่างมีอคติ ใช้อวิชซา ความเกลียดชัง และความชั่วร้าย ดังเช่นการกระทำของปีศาจร้ายอีกต่อไป

ประชาชนไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การออกมาตรการของรัฐ ที่สร้างภาระเกิน สมควรและเกินความจำเป็นในครั้งนี้ คงมิใช่เป็นไปเพื่อการ “ปกปิด” “ลอกคราบ” “ฟอกตัวตน” ของบุคคล หรือฟอกขาวในพยานหลักฐานอันจะถูกค้นพบในไม่ช้านี้ หรือที่เกิดจากการถูกเรียกร้องอย่างชอบธรรมให้เปิดเผยต่อสาธารณชน ปรากฎชัดถึงความไม่ถึงการบริหารสถานการณ์ต่างๆ และการบริหารราชการแผ่นดินในทำเนียบรัฐบาลมาตรการของรัฐที่ออกมานี้ เมื่อพิจารณาโดยละเอียดรอบคอบ ถี่ถ้วนแล้ว จะเห็นได้ว่า ยังมีความห่างไกลต่อเหตุผลที่จะทำให้เชื่อมั่นได้ว่า เมื่อทุกคนได้ปฏิบัติตามแล้วจะทำให้พันจากสภาวะความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากแต่เมื่อเอาความเป็นมนุษย์มาพิจารณาประกอบมาตรการนี้แล้ว กลับไม่ก่อให้เกิดกำลังใจใดๆ ที่จะต่อสู้กับสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่หากนำมาตรการนี้มาอ่านซ้ำไปช้ำมา จะเห็นวิธีคิด เห็นความรู้สึกลึกๆ ของผู้ออกประกาศต่อประชาชนว่า มันช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า น่าอเนจอนาถยิ่งนัก

ณ วันนี้ในสถานการณ์ที่พอจะเหลือทางรอดอันน้อยนิดด้วยความดิ้นรนด้วยตัวเองของประชาชน การพยายามสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองด้วยภูมิปัญญาไทย เช่น การใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรและอื่นๆ แต่ประชาชนชาติไทยยังต้องเผชิญกับสิ่งที่เสมือนดังปีศาจร้ายขี้ตกใจ แม้ความจริงยังมิอาจออกจากปากได้ หากผู้มีอำนาจใช้ดุลพินิจพิจารณาเห็นว่ากระทบต่อสิ่งที่เรียกว่า “ความมั่นคง” หรือ “กระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน” มันช่างเวิ้งว้างกว้างใหญ่ลึกเกินหยั่งถึง กว่าประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะเข้าใจได้เราอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่นักการเมือง ผู้มีอำนาจทำให้คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ไม่ใสสะอาดดังเดิม ไม่สำคัญดังเช่นที่คนรุ่นก่อนๆ ได้มุ่งมั่นปลุกปั้นให้เกิดขึ้น

ดังปรากฏในคำปรารภของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก็ชี้ให้เห็นว่า การแก้ปัญหาประเทศชาติให้ยั่งยืน ต้องฟื้นฟูจริยธรรมเป็นสำคัญ ทั้งประชาชนจะดำรงอยู่ได้ด้วยสิทธิเสรีภาพ และการทำหน้าที่เพื่อการสร้างชาติให้มั่นคง มีความเสมอภาค ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหลักสากล หากแม้สิทธิเสรีภาพต้องสูญหายไปเพียงชั่ววินาทีเดียวด้วยความเชื่อในลัทธิอำนาจของผู้มีอำนาจ คำว่า การปกครองรูปแบบประชาธิปไตย ย่อมยากเสมอทุกครั้งที่จะทำให้เข้มแข็งยั่งยืนประชาชนคนไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการนี้จะได้รับการทบทวน และเชื่อมั่นว่า มาตรการต่อไปต้องดีกว่านี้ อย่างน้อยก็สร้างแรงบันดาลใจที่จัดหาได้ง่ายกว่าวัคซีน และหวังว่า คงไม่มีใครในรัฐบาลคิดทุจริตฉ้อฉล จนกระทั่งต้องโกง “แรงบันดาลใจ”

เวลา 11.50 น. ยุติการอ่านแถลงการณ์ กลุ่มฯ เดินทางกลับ

อ่านต่อ