เมื่อ 13 ก.พ.64 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มเพจราษฎร วัตถุประสงค์ กลุ่มฯได้โพสต์ประชาสัมพันธ์กิจกรรม และเชิญชวนมวลชนมาพบกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาช่วยกันรื้อเอาสิ่งแปลกปลอมออกไป เอาประชาธิปไตยคืนมา มวลชนประมาณ 500 คน
![](https://brightch2hd.com/wp-content/uploads/2021/02/123gg-2.jpg)
เวลา 1540 น. เจ้าหน้าที่ ตร. เข้าประกาศข้อกฏหมาย และ ห้ามทำกิจกรรม โดยต่อมาได้ถูกมวลชนกดดัน และ ผลักดันให้ออกจากพี้นที่
นาย ภาณุพงศ์ จาดนอก เข้าพี้นที่ กล่าวถึง วัตถุประสงค์การชุมนุมในวันนี้ เนี่องจากกรณี กทม. นำต้นไม้มาบดบังประวัติศาสตร์ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้พวกตนจะเอาสิ่งแปลกปลอมต่างๆออกไปให้หมด จะเขียนถุงผ้าแดงยาวประมาณ 30 เมตร เพื่อให้มวลชนร่วมกันเขียนข้อความเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา112 มองว่าเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล โดยนายกรัฐมนตรีใช้เป็นเครื่องมือ
ระบบกระบวนการยุติธรรมควรต้องปรับเปลี่ยนและปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม โดยผู้ต้องหาทั้งสี่คนยังเป็นผู้ต้องหาตามกฏหมายยังเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยยังไม่ถูกพิพากษาจากศาล การที่นำสี่ผู้ต้องหาไปคุมขังมองเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เนื่องจากรัฐฯกลัวการออกมาเรียกร้องยกเลิกกฏหมายมาตรา112
ทั้งนี้ในพื้นที่ชุมนุมกลุ่มฯ นำผ้าแดงมาปูบริเวณพื้นผิวถนนและให้มวลชนเขียนแสดงความคิดเห็น และ เรียกร้องข้อกฎหมาย ตามมาตรา112 พบกลุ่มการ์ดราษฎรนำอุปกรณ์โล่ป้องกันชนิดทำเอง มาใช้ป้องกันเหตุการณ์ระหว่างการชุมนุม
เวลา 1615 น. นายชนินทร์ วงษ์ศรี ขึ้นปราศรัย กล่าวถึง ระบอบประธิปไตยในปัจจุบัน ที่มีสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการสถาปนาสถาบันฯเป็นผู้รับผลประโยขน์ ปัจจุบันมีการใช้กฎหมายในการจัดการผู้เห็นต่าง กล่าวถึงรัฐสวัสดิการและค่าครองชีพที่ยังไม่สามารถดูแลเลี้ยงปากท้องได้
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือความเหลื่อมล้ำ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันฯ รัฐบาล และนายทุน ที่กดหัวประชาชน กล่าวถึงวัคซีน ที่มีสถาบันฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ในปัจจุบันก็เกิดความล่าช้าในการผลิตและยังไม่สามารถผลิตออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขได้
ที่มา สุดาตา นานนอน