จ.อุดรธานี เวลา 1235 นายปิยบุตรฯ เดินทางมาถึง ลานด้านข้างสถานีรถไฟอำเภอโนนสะอาด จ.อุดรธานี โดยมีผู้สมัคร ส.อบจ. และ ประชาชน เดินทางมาต้อนรับและรับฟังการปราศรัย ประมาณ 120 คน
จากนั้น เวลา 1300 นายปิยบุตรฯ ปราศรัย ซึ่งมีสาระสำคัญการปราศรัย อาทิ คณะก้าวหน้า ก่อตั้งขึ้นแทนพรรคอนาคตใหม่ เพื่อเดินหน้าต่อสู้ทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการกระจายอำนาจ ดึงอำนาจส่วนกลางมาไว้ที่ท้องถิ่น, คณะก้าวหน้าให้ความสำคัญกับ จ.อุดรธานี เพราะ 1) มีโอกาสมาก 2) ชาวอุดรธานีใจถึง และ 3) มีทรัพยากร, นายก อบจ. มี งป. 4 ปี/ 5,700 ล้านบาท จะเอาไปปรับปรุงด้านการศึกษา และด้านการเกษตรอินทรีย์ครบวงจร, วิธีเดียวที่ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าจะได้คะแนนคือ การเดินหน้าเข้าหา ปชช., ขอโอกาสให้ผู้สมัครของคณะก้าวหน้า ได้เข้ามารับใช้ชาว จ.อุดรธานี
กล่าวถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ ถูกกระทำและกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด, คณะก้าวหน้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากผู้สมัครฯ ของคณะก้าวหน้าได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จะเป็นการส่งสัญญาณว่า ปชช. ไม่เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ฯ และจะเป็นการหนุนเสริมการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนในครั้งต่อไป รวมถึงแสดงถึงคะแนนนิยมในตัว นายธนาธรฯ อีกด้วย และเวลา 1320 ยุติการปราศรัยพบปะประชาชนและร่วมถ่ายภาพ
เวลา 1330 นายปิยบุตรฯ เดินทางออกจากลานด้านข้างสถานีรถไฟอำเภอโนนสะอาด (สถานที่ปราศรัย)
เวลา 1440 นายปิยบุตรฯ เดินทางถึง วัดบูรพา ต.วังสามหมอ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี โดยมีสมาชิกคณะก้าวหน้า อาทิ นายมานิต อินทร์อำคา อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.อุดรธานี เขต 4 พรรคเพื่อชาติ , นายอฤเดช แพงอะมะ อดีต ส.อบจ.เขต อ.ทุ่งฝน/อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.อุดรธานี เขต 3 พรรคประชาชาติ , นายอานันท์ อมรินทร์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.อุดรธานี เขต 5 พรรคอนาคตใหม่ และประชาชนเดินทางมาต้อนรับและรับฟังการปราศรัย ประมาณ 300 คน
เวลา 1445 นายปิยบุตรฯ กล่าวขอบคุณประชาชนที่มอบคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ เมื่อ 24 มี.ค.62 ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา กล่าวโจมตีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ฯ ที่เลือกกฎหมายให้ได้มาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, การโจมตีกลุ่มผู้มีอำนาจใช้อำนาจทางกฎหมายยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคณะกรรมการพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 15 คน กล่าวถึง นายธนาธรฯ ซึ่งขณะที่ได้เป็น ส.ส. แต่ไม่สามารถเข้าไปมีเสียงในสภาได้ , กล่าวถึงคณะก้าวหน้า ก่อตั้งขึ้นแทนพรรคอนาคตใหม่ เพื่อเดินหน้าต่อสู้ทางการเมือง
โดยเฉพาะเรื่องการกระจายอำนาจ ดึงอำนาจส่วนกลางมาไว้ที่ท้องถิ่น และจะสู้การเมืองทุกระดับ, การเลือกตั้งในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ มีความสำคัญเพราะพี่น้องประชาชนจะต้องเลือกผู้ที่ไปบริหารเงินภาษีของพ่อแม่พี่น้อง ประมาณ 5,700 ล้านบาท ที่จะมาใช้พัฒนา จ.อุดรฯ เพื่อความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นของพี่น้องประชาชนทุกคน, กล่าวถึงการคัดเลือก ผู้สมัครนายก อบจ. ของคณะก้าวหน้า โดยไม่มีการให้กลุ่มคนหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาเป็นผู้สมัครของคณะก้าวหน้า เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งแบบเดิมๆ ที่ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง
ซึ่งคณะก้าวหน้าจะเน้นในการเลือกตั้งแบบใหม่โดยแข่งขันกันที่นโยบาย อาทิ การส่งเสริมเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน, นโยบายโรงเรียนในสังกัด อบจ. และนโยบายต่างๆ คณะก้าวหน้า เน้นในการให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการบริหารของนายก อบจ. เพื่อความโปร่งใสไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น เหมือนการเมืองแบบเก่าๆที่ผ่านมา , กล่าวถึงจังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดรักประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ กล่าวโน้มน้าวขอให้ประชาชนเลือกคณะก้าวหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลการเมืองแบบเก่าๆ และขอให้ประชาชนเลือก นายฐานวัฒน์ฯ เป็นนายก อบจ. ในวันที่ 20 ธ.ค.63 นี้
หากคณะก้าวหน้าได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าคณะก้าวหน้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมกับปลุกระดมให้ไล่ นรม. , กล่าวพาดพิง พลเอกประยุทธ์ฯ นรม. เป็นคนหนังเหนียว ซึ่งไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ต่างจากตนเองและนายธนาธรฯ ที่ถูกกระทำดำเนินคดีหลายคดี ถึงแม้มีการชุมนุมขับไล่จากกลุ่มนักเรียนนักศึกษา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไร พลเอกประยุทธ์ฯ ได้ ดังนั้นวันที่ 20 ธ.ค. นี้ จะเป็นวันแสดงพลังของพี่น้องประชาชนอีกครั้งและขอให้ ประชาชนออกมาเลือก นายฐานวัฒน์ฯ เบอร์ 2 ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้า และทีม ส.อบจ. เบอร์ 2 คณะก้าวหน้า เพื่อตบหน้ารัฐบาลขับไล่ พลเอกประยุทธ์ฯ ออกไป เป็นต้น และเวลา 1535 ยุติการปราศรัย จากนั้น/เวลา 1545 นายปิยบุตรฯ ได้เดินทางออกจากพื้นที่ อ.วังสามหมอฯ
ท่าทีประชาชนผู้เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยทั้ง 2 จุด ซึ่งประชาชนมีความชื่นชอบในตัวบุคคล โดยเฉพาะแกนนำคณะก้าวหน้าจากส่วนกลาง ซึ่งคาดว่าอาจจะมีคะแนนความนิยมตัวบุคคลเพิ่มมากขึ้น