ม็อบรามคำแหง บุกรัฐสภา เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง

เมื่อ 22 ม.ค. 64 ที่ รัฐสภา (เกียกกาย) กทม. เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายนันทพงศ์ ปานมาศ วัตถุประสงค์ยื่นหนังสือถึง ประธานรัฐสภา เรื่อง “แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน” ยอดมวลชน 15 คน

เวลา 0955 น. ขณะรายงาน พบนายชูเกียรติ แสงวงศ์ และมวลชนทยอยเดินทางเข้าพื้นที่ ยังไม่มีกิจกรรมใดๆ

เวลา 1012 น. นายนันทพงศ์ฯ ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงขนาดเล็ก (โทรโข่ง) กล่าวถึง วัตถุประสงค์ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อต้องการมายื่นหนังสือบอกกล่าวทางรัฐสภาว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อน และ ต้องการให้เยียวยาเฉพาะหน้าให้ทั่วถึงทุกคน

ตัวแทนเครือข่ายสลัมเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง นโยบายคนละครึ่งของรัฐบาล เป็นเพียงเศษเงินของเผด็จการ คนที่ไม่รู้ หรือเล่นโซเชียลไม่เป็น ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ ทำไมถึงแจกจ่ายให้ทั่วถึง ยอดมวลชน จำนวน 30 คน

เวลา 1040 น. กลุ่มฯทำกิจกรรมพาดพิงรัฐบาลถึงกรณีการลงทะเบียนสิทธิ์คนละครึ่ง ที่ต้องแย่งกันลงทะเบียนชิงสิทธิ์ดังกล่าวฯและต้องรอลุ้นว่าจะได้หรือไม่

เวลา 1050 น. กลุ่มฯ อ่านแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤต โควิด-19 ประกอบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ประชาชนหาเช้ากินค่ำกว่าครึ่งประเทศได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง ต้องหยุดงานค้าขายไม่ได้พ่อค้าแม่ขายทำมาหากินด้วยความยากลำบากรวมทั้งผู้ประกอบการขนาดเล็กจำนวนมากต้องปิดกิจการลงและอีกหลายสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐที่ประกาศออกมาเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีกิจการขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่รัฐบาลหลายมาตรการเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรมทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องตกอยู่ในภาวะเดือดร้อนเป็นอย่างมากจากสถานการณ์ดังกล่าว บวกกับการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไร้วิสัยทัศน์และไม่เห็นหัวประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ

มาตรการที่ออกมาหลายมาตรการเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤต โควิด-19 ไม่สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนภาคเอกชนผู้ประกอบการรวมทั้งแรงงานในระบบและนอกระบบได้อย่างแท้จริง มิหนำซ้ำมาตรการดังกล่าวยังซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนอาทิเช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการไทยชนะ โครงการเหล่านี้ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึงและไม่เพียงพอต่อความต้องการหรือภาระของประชาชนที่กำลังประสบอยู่ในเวลานี้ และยังทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างมากมายประชาชนต้องแย่งชิงการลงทะเบียนเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ และไม่เข้าถึงเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตจากสภาวะดังกล่าวมีประชาชนเดือดร้อนหลายล้านคนแต่มาตรการเยียวยาที่รัฐบาลออกมานั้นเยียวยาได้เพียงไม่กี่ล้านคนทั้งยังต้องมีการพิสูจน์ความจนอีกด้วยซึ่งเรื่องเหล่านี้ในภาวะเช่นนี้ที่ประชาชนเดือดร้อนหนักหนาขนาดนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น

เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยจึงขอเรียกร้องมายังประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกๆคนในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนช่วยเป็นปากเสียงให้ประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงได้ขณะนี้ ได้เสนอทางรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนดังนี้

  1. ต้องยกเลิกการพิสูจน์ความจนเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากวิกฤต โควิด-19
  2. ประชาชนทุกสาขาอาชีพจะต้องได้รับการเยียวยาอย่างเสมอภาคและมีความรวดเร็วในการดำเนินการช่วยเหลือประชาชน
  3. การเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจะต้องเป็นเงินสดที่ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อบรรเทาตามความเดือดร้อนของแต่ละคน
  4. รัฐบาลต้องพักหนี้ให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางเพื่อ การดำรงอยู่ของ “SME” สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้รวมถึงธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงเช่นร้านอาหารผับบาร์นักดนตรีและคนที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง
  5. รัฐบาลจะต้องมีมาตรการให้กลุ่มทุนใหญ่อย่างธนาคารเอกชนต่างๆรวมถึงธนาคารของรัฐพักหนี้ให้ประชาชนอย่างเร่งด่วนเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน
  6. รัฐบาลจะต้องหยุดใช้งบประมาณของประเทศไปใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็นเช่นหยุดจัดซื้อจัดจ้างอาวุธรถถังรวมถึงการหยุดสร้างหนังรักชาติซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้

เวลา 1100 น. กลุ่มฯยื่นหนังสือถึงประธานสภาผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการต่อไป

เวลา​ 1110​ น. กลุ่ม​ยุติ​กิจกรรม​ โดยเชิญชวน​ให้มวลชน​ไปร่วมทำกิจกรรม​ที่หน้ากระทรวง​การคลังต่อไป

อ่านต่อ