เมื่อ 13 ก.พ.64 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มเพจราษฎร วัตถุประสงค์ กลุ่มฯได้โพสต์ประชาสัมพันธ์กิจกรรม และเชิญชวนมวลชนมาพบกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาช่วยกันรื้อเอาสิ่งแปลกปลอมออกไป เอาประชาธิปไตยคืนมา มวลชนประมาณ 500 คน
เวลา 1540 น. เจ้าหน้าที่ ตร. เข้าประกาศข้อกฏหมาย และ ห้ามทำกิจกรรม โดยต่อมาได้ถูกมวลชนกดดัน และ ผลักดันให้ออกจากพี้นที่
นาย ภาณุพงศ์ จาดนอก เข้าพี้นที่ กล่าวถึง วัตถุประสงค์การชุมนุมในวันนี้ เนี่องจากกรณี กทม. นำต้นไม้มาบดบังประวัติศาสตร์ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้พวกตนจะเอาสิ่งแปลกปลอมต่างๆออกไปให้หมด จะเขียนถุงผ้าแดงยาวประมาณ 30 เมตร เพื่อให้มวลชนร่วมกันเขียนข้อความเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา112 มองว่าเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล โดยนายกรัฐมนตรีใช้เป็นเครื่องมือ
ระบบกระบวนการยุติธรรมควรต้องปรับเปลี่ยนและปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม โดยผู้ต้องหาทั้งสี่คนยังเป็นผู้ต้องหาตามกฏหมายยังเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยยังไม่ถูกพิพากษาจากศาล การที่นำสี่ผู้ต้องหาไปคุมขังมองเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เนื่องจากรัฐฯกลัวการออกมาเรียกร้องยกเลิกกฏหมายมาตรา112
ทั้งนี้ในพื้นที่ชุมนุมกลุ่มฯ นำผ้าแดงมาปูบริเวณพื้นผิวถนนและให้มวลชนเขียนแสดงความคิดเห็น และ เรียกร้องข้อกฎหมาย ตามมาตรา112 พบกลุ่มการ์ดราษฎรนำอุปกรณ์โล่ป้องกันชนิดทำเอง มาใช้ป้องกันเหตุการณ์ระหว่างการชุมนุม
เวลา 1615 น. นายชนินทร์ วงษ์ศรี ขึ้นปราศรัย กล่าวถึง ระบอบประธิปไตยในปัจจุบัน ที่มีสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการสถาปนาสถาบันฯเป็นผู้รับผลประโยขน์ ปัจจุบันมีการใช้กฎหมายในการจัดการผู้เห็นต่าง กล่าวถึงรัฐสวัสดิการและค่าครองชีพที่ยังไม่สามารถดูแลเลี้ยงปากท้องได้
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือความเหลื่อมล้ำ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันฯ รัฐบาล และนายทุน ที่กดหัวประชาชน กล่าวถึงวัคซีน ที่มีสถาบันฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ในปัจจุบันก็เกิดความล่าช้าในการผลิตและยังไม่สามารถผลิตออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขได้
ที่มา สุดาตา นานนอน